คุณหญิงชัชนี จาติกวณิช ไม่หยุดที่จะเรียนรู้

ในทำเนียบผู้หญิงทำงานระดับแนวหน้า และถือว่าเป็นรุ่นเก๋าในวงการธุรกิจ ไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อคุณหญิงชัชนี จาติกวณิช ประธานกิติมศักดิ์บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เยนเนอรัลเอนยิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือต่างๆ อีกมากมาย แม้วันนี้จะมีอายุ 75 ปีเศษแล้ว แต่ท่านก็ยังทำงานต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากกิจกรรมที่เคยทำ ท่านก็ยังหากิจกรรมใหม่ๆ มาทำอยู่เมื่อมีโอกาส เช่น เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ท่านก็ร่วมกับ บริษัท ล็อกซอินโฟ จำกัด ได้ตั้งกลุ่ม OPPY Club (Old People Playing Young Club) ซึ่งเป็นชมรมของผู้ใหญ่สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เพื่อมาเรียนคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เป็นคนสูงวัยที่ยังคงทันยุคทันสมัย

 

หากมีโอกาสได้พบตัวจริง ทุกคนมักจะคิดว่าท่านอยู่ในวัย 60 ต้นๆ เท่านั้น เพราะด้วยบุคลิกที่คล่องแคล่วว่องไว มีความกระฉับกระเฉงอยู่เป็นนิจ "ใครๆ เขาว่าอายุเท่านี้แล้ว ทำไมไม่แก่ ไอ้เรื่องอายุ เรื่องตัวเลขปฏิเสธไม่ได้ แต่เหตุที่ทำให้ไม่แก่ตามตัวเลขมีอยู่ 2 อย่างคือ สุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง หรือบั่นทอนสุขภาพ ทำให้จิตใจผ่องใส เบิกบาน ไม่ขุ่นมัว เมื่อกายสบาย ใจก็สบาย ข้อสองคือ มุมมอง และการใช้ชีวิตอย่าให้แก่ตามตัวเลข แก่ไม่แก่ก็อยู่ที่ใจด้วย อย่าไปถามหาให้มันมาเร็วกว่ากำหนด เรื่องอะไรจะไปทำตัวให้เฉื่อยชา ฉันชอบเป็คนกระฉับกระเฉง ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ชอบทำอะไรให้ทันลูกหลาน จะได้ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยด้วย ของทุกอย่างมันเริ่มต้นกันได้ 

 

อย่างคอมพิวเตอร์ฉันเล่นมาได้ตั้งนานแล้ว ทำให้ฉันภูมิใจ เอาไว้สื่อสารกับเพื่อนฝูง และลูกหลานเป็นที่สนุกสนาน และได้ค้นหาความรู้ใหม่ๆ เด็กเขารู้เรื่องคอมพิวเตอร์กันทั้งนั้น ถ้าปู่ย่าฟังเขาไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่อยากจะสังสรรค์ด้วย ถ้าปู่ย่าเล่นคอมพิวเตอร์เป็น ก็มีกิจกรรมหน้าจอด้วยกัน คุยกัน เล่นเกมกัน ถ้าเด็กๆ เขามีปู่ย่าที่คุยกันรู้เรื่อง เขาก็อยากมาคุยด้วย มาเล่นกับเรา อยู่บ้านเล่นเกมกับย่าดีกว่า ไม่ต้องไปแสวงหาความสุขนอกบ้าน...

 

...สำหรับตัวเองว่างๆ ก็ค้นหาข้อมูลเรื่องสุขภาพ เรื่องต้นไม้ เรื่องกีฬา เรื่องท่องเที่ยว และอื่นๆ ทำให้เวลาที่จะคิดถึงตัวเองน้อยลง ลืมความเจ็บป่วยอื่นๆ ได้ ดังนั้น ฉันจึงไม่ปิดกั้นตัวเอง ลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง ทุกอย่างมันอยู่ที่ทัศนคติก่อนนะ มันเป็นเรื่องของความใจกว้าง โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่านำตัวเองมาเป็นมาตรฐาน หรือเป็นศูนย์กลาง จะไปหวังให้เด็กเปลี่ยนฝ่ายเดียวไม่ได้ เราก็ต้องปรับตัวเข้าหาเด็กด้วย"

 

นั่นเป็นเพียงตัวอย่างมุมมองความคิดของคุณหญิง อีกอย่างที่คุณหญิงแนะนำสำหรับผู้ที่พ้นวัยเกษียณไปแล้วก็คือ อย่าปล่อยตัวให้ว่าง และไม่ต้องเกษียณจากการดำเนินชีวิตไปด้วย "เพราะถ้าว่างมากก็จะเหงาพอเหงาเสร็จก็จะคิดมากฟุ้งซ่านและไม่สบายใจซึมเศร้าที่นี้สุขภาพไม่ดีก็จะตามมาพยายามหาอะไรทำมีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆขึ้นอยู่กับความชอบความเหมาะสมของแต่ละคนทำไปให้เพลินๆมีความสุขชีวิตจะได้มีความหมายขึ้นอย่างตัวฉันไม่มีใครเขาบังคับให้ทำนะแต่สมัครใจที่จะทำเองหาเรื่องทำแก้เหงาไปไม่เหี่ยวแห้งและภูมิใจว่ายังทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้อยู่"

 

นอกจากชมรมโอพีพีวายแล้ว คุณหญิงยังเป็นประธานมูลนิธิธารน้ำใจที่มีกิจกรรมหลักคือ การค้นหาโรงเรียนที่ลดเลิกสารเสพติดพร้อมทั้งส่งเสริมศีลธรรม และส่งเสริมจริยธรรมในโรงเรียนได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ มูลนิธิแม่บ้านอาสา และช่วยกิจกรรมใดที่เป็นสังคมด้อยโอกาสตามความถนัดของตัวเองคุณหญิงเล่าให้ฟังว่า ล่าสุดนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ขอความร่วมมือมาทางชมรมโอพีพีวาย ขอให้จัดโปรแกรมไปสอนครูในต่างจังหวัดเพื่อให้เป็นคอมพิวเตอร์เพื่อจะไปสอนเด็กต่ออีกทีหนึ่ง ปรากฏว่าครูกล่มนี้อายุประมาณ 50 กว่า กลัวการเรียนคอมพิวเตอร์กันมาก เคยส่งไปฝึกอบรมก็ไม่ค่อยได้ผล "ฉันก็เลยมีหน้าที่ต้องไปช่วยพูดปฐมนิเทศให้เขาฟังและเห็นฉันเป็นตัวอย่างว่า ฉันมาเรียนคอมพิวเตอร์ และเล่นอินเทอร์เน็ตก็ตอนอายุปาเข้าไป 70 กว่าๆ แล้ว ผิดพลาดก็แก้ไขได้ ไม่ต้องเอาเก่งมากนักหรอก ให้พอเป็นบ้าง สำคัญอยู่ที่ใจ อย่ากลัว ขับรถยังยากกว่าเล่นคอมพิวเตอร์ตั้งเยอะ อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำสิ มันจะเป็นการปิดโอกาสตัวเองเปล่าๆ"

 

นอกจากใส่ใจเรียนคอมพิวเตอร์ในโปรแกรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาแล้ว คุณหญิงยังเรียนรู้เรื่องอื่นที่น่าสนใจอีก เช่น เรื่องของการเรียนวาดรูปสีน้ำ การตีกอล์ฟ การเต้นรำ หรือเรียนร้องเพลง รวมแล้วก็ไม่เคยอยู่บ้านนิ่งๆ จึงไม่ค่อยมีเวลาป่วย และไม่มีเวลาแก่เร็ว สุดท้ายนี้ คุณหญิงยังได้บอกหลักการในการดำเนินชีวิตของท่านว่า เมื่อไหรที่เจอวิกฤตในชีวิต ก็ตั้งสติให้ดี ค่อยๆ แก้ปัญหากันไป เมื่อทุกข์ได้ก็ต้องมีสุขได้

 

"ทุกวันนี้ไม่มีเครียดไม่มีเหงา ไม่มีเวลาป่วย และไม่นึกถึงอายุของตัว ความจริงวัยที่สูงขึ้นก็มีประโยชน์กับชีวิต กาลเวลา และประสบการณ์สอนให้เรามองอะไรได้ลึกซึ้งขึ้น และใจเย็นๆ กับคนรอบข้างโดยเฉพาะผู้ร่วมงาน ไม่ต้องเคร่งครัดกับเขานัก สื่อสารกับเขาด้วยอารมณ์ขัน ล้อเล่นกันบ้าง ถ้าอยากได้อะไรก็บอกเขา อย่าไปสั่งแบบเผด็จการ ลูกน้องจะเครียด งานก็ออกมาไม่ดี มนุษย์ทุกคนไม่ได้ทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว แต่เขาต้องการการยอมรับด้วย โชคดีที่ได้ลูกน้องที่รัก และเข้าใจกัน เช่น ฉันมอบงานให่เขาทำ ลูกน้องจะถามว่า คุณหญิงต้องการเมื่อไหรคะ ฉันตอบว่า อยากได้ตั้งแต่เมื่อวาน หมายความว่าต้องเร็วที่สุด แล้วฉันก็ได้งานเร็วสมใจจริง ๆ" ทั้งหมดนี้คือเกร็ดชีวิตของคุณหญิงชัชนี จาติกวณิช

 

หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ 
ฉบับวันที่ 14 
กรกฎาคม 2546
เรื่อง: อนุสราทองอุไร
ภาพ: วิศิษฐ์แถมเงิน

 

Visitors: 214,025